"LHFG" โชว์กำไรปี 2566 เติบโต 32.8% ชูกลยุทธ์ปี 2567 เร่งขยายพอร์ตสินเชื่อ SME สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยราว 2.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุน จากการบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การส่งออกที่กลับมาขยายตัวเนื่องจากการปรับตัวของสินค้าคงคลังในห่วงโซ่อุปทานโลกมีแนวโน้มจะสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นผลดีต่อไทยเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานที่ดี 

ผลการดำเนินงานปี 2566 กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 2,096 ล้านบาท เติบโต  ร้อยละ 32.8 เมื่อเทียบกับปี 2565 และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 1,693 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 54.9 เมื่อเทียบกับปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย เนื่องจากสินเชื่อที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากสินเชื่อบ้าน  โดยกลุ่มธุรกิจทางการเงินยังคงความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น และควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.65


สำหรับปี 2567 ธนาคารยังคงเดินตามแผนเชิงกลยุทธ์และขับเคลื่อนการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อยและ SMEs ผ่านช่องทางดิจิทัล พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนรูปแบบการทำงานและกระบวนใหม่โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน สำหรับการดำเนินการหลัก ได้แก่ 

- มุ่งเติบโตในพอร์ตสินเชื่อที่สร้างผลตอบแทนที่ดี ผ่านการจัดการด้านอัตราดอกเบี้ย และ การจัดการต้นทุนเงินให้มีประสิทธิภาพ  การเพิ่มฐานลูกค้า SME โดยการทำ Program Lending & Package Solution ที่ออกแบบสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมปรับกระบวนการทำงาน เพื่อการพิจารณาสินเชื่อที่รวดเร็ว

- ยกระดับบริการทางการเงินผ่าน Digital Platform การพัฒนาแอปพลิเคชัน LHB You และ Profita อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับ  การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์

- การให้ความสำคัญกับ Sustainable Banking เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั้งจากการดำเนินของธุรกิจธนาคารเอง และของลูกค้าที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคาร (Financed Emission) การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจในการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่การลดก๊าซเรือนกระจก (Transition Loan) การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ตามมาตรฐานสากล

 นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่าปี 2567 กลยุทธ์ของบริษัทมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลการดำเนินงานในกองทุน ตราสารทุนไทยและต่างประเทศให้เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนรวมให้อยู่ใน Top Quartiles และนำเสนอข้อมูลกองทุนที่เหมาะสมและ  ทันต่อสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ผลการดำเนินงานการบริหารจัดการกองทุนปี 2566 บริษัทมีขนาดกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการนับรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) มีมูลค่าประมาณ 61,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2565 ซึ่งเติบโตมาจากการเพิ่มทุนในกลุ่ม REITs และยังคงมีแนวโน้มเติบโต  อย่างต่อเนื่อง สำหรับกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 14,245 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 0.1 ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 7,047 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 16.6

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดแกว่งตัวลงตลอดทั้งปี โดยมีปัจจัยกดดันจากสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ที่ยังคงยืดเยื้อ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ประกอบกับเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าคาด และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสูงต่อเนื่องมาอยู่ที่ร้อยละ 5.5 จนเกิดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและไทยถึงร้อยละ 3 ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก ให้ตลาดหุ้นไทยทำผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆทั่วโลก สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาดที่ 1,415.85 จุด ลดลงร้อยละ 15.1 โดยมีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติเป็นตัวกดดันหลักโดยขายสุทธิถึง 1.92 แสนล้านบาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 51 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ปี 2566 เฉลี่ยต่อวันที่ 53,331ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 31 


ปี 2566 บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการ โดยพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างทั่วถึง สำหรับ  ผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีรายได้ 541.35 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับปี 2565 สอดคล้องกับการลดลงของปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์

 กลยุทธ์ปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งด้านระบบเทคโนโลยีและด้านการให้คำแนะนำการลงทุน และมุ่งเติบโตผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ รวมทั้งเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ของลูกค้าเดิม การดำเนินธุรกิจใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการให้บริการที่ครบวงจร

.

#LHFG #LH #แลนด์แอนด์เฮ้าส์ #ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ #LHBank #ข่าวธนาคาร #Stockreview